“กรณ์” ฟาดด้อมส้ม ย้ำเป็นคนตรงไม่แอบแซะโง่ๆ ปมมาตรา 151
จากกรณี กกต.มีมติพิจารณาสั่งให้ดำเนินการไต่สวนเป็นกรณีที่มีเหตุอันควรสงสัยหรือความปรากฎ ต่อ กกต. ว่านายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นบุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง และรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งแต่ลงสมัครรับเลือกตั้ง เข้าข่ายฝ่าฝืนมาตรา 151 พ.ร.ป.เลือกตั้ง ส.ส.นั้น
กลายเป็นดราม่ากับ นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า หลังปรากฏรูปถ่ายคู่กับรถยนต์หมายเลขทะเบียน 151 จนถูกแฟนคลับพรรคก้าวไกล หรือ “ด้อมส้ม” วิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการแซะนายพิธา
"สมชัย" ชำแหละมติ "กกต." ถ้าผิด ม.151 "พิธา" โดนหนักกว่าเดิม
กกต.มีมติไม่รับ 3 คำร้อง “พิธา” ถือหุ้นไอทีวี แต่รับเรื่องไว้พิจารณาตามม.151
ล่าสุด นายกรณ์ ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า เห็นมีคนเอาภาพนี้ไปดราม่ากัน ขอชี้แจงสั้นๆ ภาพนี้ผู้ช่วยผมถ่ายตั้งแต่สองสามวันก่อนแล้ว เป็นวันสบายๆ ทานอาหารเช้ากัน เขาเห็นตนถือตะกร้าให้ภรรยา และบอกว่ามันเข้ากับสีเสื้อที่ใส่ก็เลยถ่ายไว้ แล้วเอาไปโพสต์ส่วนตัวของเขา
รถคันนี้จอดอยู่ลานจอดรถ หน้าร้านคาเฟ่ จอดอยู่หลายคัน รถใครก็ไม่ทราบ (ต้องขออภัยต่อเจ้าของรถด้วยที่กลายเป็นดราม่า) วันที่โพสต์ ยังไม่มีข่าวเรื่องมาตรา 151 หรืออะไรเลย ทุกอย่างจึงเป็นเรื่องบังเอิญที่ไม่เป็นเรื่องอย่างสิ้นเชิง และขอบอกว่าผู้ช่วยผมไม่ได้มีเจตนาอันใด และเดิมทีตนไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่ามีการโพสต์รูปนี้ ทั้งนี้ส่วนตัวนั้นผมไม่ชอบการแซะอะไรไร้สาระแบบนี้คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
ส่วนในกรณีปัญหาทางกฎหมายของคุณพิธานั้น ตนรู้สึกเสียดายที่มีอุปสรรคมากมาย กีดกันความต้องการของประชาชนจำนวนหนึ่งที่จะได้นายกฯ ที่เขาเลือกมา ตนเองแสดงความเห็นไว้ตั้งแต่หลังการเลือกตั้งว่าตนอยากให้การรวมตัวตั้งรัฐบาลโดยพรรคที่ 1 กับพรรคที่ 2 ประสบความสำเร็จ และความเห็นตนที่อยากให้ระบอบประชาธิปไตยของเราเดินหน้าไปอย่างราบรื่นก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง แม้หลังจากที่แฟนคลับพรรคส้มได้กดดันให้คุณพิธากลับคำในการเชิญพรรคชาติพัฒนากล้าเข้าร่วมรัฐบาล พร้อมกับด่าทอ กล่าวหาตนต่างๆนานา ซึ่งตนก็ไม่เคยออกมาวิพากษ์วิจารณ์พรรคก้าวไกลหรือคุณพิธาแม้แต่ครั้งเดียว
ในทางตรงกันข้าม ช่วงที่ผ่านมามีคนที่ตนรู้จักมากมายที่เลือกพรรคก้าวไกล และมาบ่นกับตนว่าผิดหวังในหลายๆการแสดงออกของคนของพรรค ไปจนถึงเรื่องนโยบายที่หาเสียงไว้และส่งสัญญาณว่ายังอาจจะทำไม่ได้ ตนก็บอกให้ทุกคนใจเย็น ให้โอกาสเขาก่อน ดังนั้นตนอยากเห็นทุกท่านตั้งสติกันหน่อยครับ โอกาสมันมากับความรับผิดชอบ และเป็นดาบสองคมเสมอ
ส่วนประเด็นเรื่องกฎหมายก็เป็นเรื่องที่นักการเมืองทุกคนต้องตระหนักและให้ความสำคัญ ตนเองก็เคยโดนพรรคอนาคตใหม่ยื่นร้องเรียนเพื่อถอดถอนจากการเป็น สส. ด้วยกฎหมายเดียวกัน คือได้กล่าวหาว่าผมถือหุ้นสื่อ ทั้งๆที่หุ้นที่ตนถือนั้นคือบริษัท ‘เกษตรเข้มแข็ง’ ที่ผมและทีมตั้งขึ้นมานำร่องทำนโยบายเกษตรพรีเมียมช่วยชาวนาไทย
ประเด็นถือหุ้นสื่อ ตน (และเพื่อนสส.อีกหลายสิบคนที่ถูกกล่าวหาโดยอนาคตใหม่) ก็ต่อสู้ทางกฎหมายและชี้แจงตามข้อเท็จจริงไป ซึ่งส่วนตัวนั้นตนมองว่ากฎหมายนี้หยุมหยิมเกินไป และส่วนตัวไม่เคยยื่นฟ้องร้องใครด้วยกฎหมายนี้ แต่ก็เคารพสิทธิของอนาคตใหม่ในวันนั้นที่จะใช้กฎหมายนี้เป็นเครื่องมือทางการเมือง
พูดไปคนเชื่อก็คงเชื่อ คนที่มีอคติก็คงเลือกที่จะไม่เชื่อ แต่ผมขอพูดแค่ว่า คนที่รู้จักผมดีจะรู้ว่า ถ้าผมจะว่าอะไรใคร ผมไม่มาแอบแซะโง่ๆ แบบนี้ครับ ผมซัดตรงๆ แน่นอน